Breaking news-ไทยรัฐออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

เชื้ออีโคไล O157:H7 คืออะไร

เชื้ออีโคไล O157:H7 เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ้งที่ก่อโรคระบบทางเดินอาหารที่รุนแรง การระบาดของเชื้อนี้แต่ละปีมีผู้ติดเชื้อนับแสนคน อัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 1 อาการสำคัญคือ ท้องเสียชนิดอุจจาระมีเลือดปน บางรายมีอาการอุจจาระเป็นมูกเลือด และที่สำคัญคือ โรคนี้ทำให้เกิดภาวะไตวายร่วมด้วยได้บ่อยมาก โดยทั่วไปคนติดเชื้อโรคนี้จากการรับระ ทานอาหารที่ไม่สุกส่วนใหญ่เป็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว พบมีรายงานการระบาดของเชื้อ เชื้ออีโคไล O157:H7 จากการดื่มนมวัวที่ดิบ การเล่นน้ำหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคชนิดนี้ และพบว่าเชื้ออีโคไล O157:H7 สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ รวมทั้งการระบาดในครอบครัวและสถานเลี้ยงเด็กอ่อนเชื้อ อีโคไลเป็นเชื้อแบคทีเรียมีหลายร้อยสายพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงเท่าใดนัก และเป็นจุลชีพท้องถิ่นอาศัยอยู่ในทางเดินอาหารส่วนลำไส้ โดยไม่ทำให้เกิดโรคแต่อย่างใด ส่วนเชื้ออีโคไล O157:H7 มีความสามารถในการสร้างโปรตีนที่เป็นพิษ ทำให้เกิดโรคที่รุนแรงและเป็นอันตรายถึงกับเสียชีวิตได้ การระบาดของเชื้ออีโคไล O157:H7 ครั้งแรกในปี 1982 จากการสืบสวนโรคด้วยวิธีการทางระบาดวิทยา พบว่าเกิดจากเนื้อที่นำมาทำแฮมเบอเกอร์ติดเชื้ออีโคไล O157:H7 หลังจากนั้นพบการระบาดใหญ่อีกหลายครั้งและพบการระบาดในท้องถิ่นแทบทุกปี ในการศึกษาการระบาดของโรคนี้จำเป็นต้องระบุสายพันธุ์ให้ชัดเจน เนื่องจากเชื้ออีโคไลชนิดอื่นไม่ก่อให้เกิดโรครุนแรงในลักษณะนี้
การ แพร่กระจายของเชื้ออีโคไล O157:H7 พบได้ทั่วไปในฟาร์มปศุสัตว์ และสามารถตรวจพบเชื้อในลำไส้ของวัวควายที่มีสุขภาพดี ไม่เป็นสัตว์ป่วยแต่อย่างใด เนื้อสัตว์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อบดมีโอกาสปนเปื้อนเชื้ออีโคไล O157:H7 ได้มาก ไม่ว่าจะเป็นการปนเปื้อนในฟาร์ม การปนเปื้อนจากกระบวนการผลิต แม้กระทั่งการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์นม เมื่อคนกินเนื้อที่ปนเปื้อนเชื้อและไม่ได้ปรุงอาหารให้สุกจึงได้รับเชื้อได้ ง่าย เนื้อที่ไม่สุกและปนเปื้อนเชื้อมักจะดูไม่ออกจากลักษณะภายนอกและไม่มีกลิ่น เหม็นแต่อย่างใด จากการศึกษาวิจัยทางจุลชีววิทยาพบว่าการที่ร่างกายได้รับเชื้ออีโคไล O157:H7 เพียงเล็กน้อยก็สามารถก่อให้เกิดโรคได้
image
เชื้อ อีโคไล O157:H7 ยังอาจพบได้ในผลิตภัณฑ์นม น้ำผลไม้ ผักสดบางชนิด ซาลามี่ และพบว่าเกิดการะบาดจากแหล่งน้ำที่มีเชื้อโรคนี้อยู่อีกด้วย เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในอุจจาระของผู้ป่วยยังสามารถแพร่เชื้อต่อไปอีกได้ ดังนั้นการรักษาสุขอนามัยที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการ ระบาดของโรคนี้ สิ่งสำคัญที่ควรเน้นเสมอคือ เรื่องของการล้างมือ หลักฐานทางวิชาการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเพียงการล้างมือเท่านั้น ก็สามารถลดการกระจายของเชื้ออีโคไล O157:H7 ได้ สำหรับบ้านที่มีเด็กอ่อนต้องให้การดูแลเกี่ยวกับการขับถ่ายของเด็กด้วย เนื่องจากพบว่าเป็นสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งของการระบาด เด็กเล็กสามารถแพร่เชื้อได้นานถึงสองสัปดาห์ และในเด็กโตพบว่าหากได้รับเชื้อแล้วมักจะเกิดอาการเจ็บป่วยเป็นโรคแทบทุกราย
เชื้ออีโคไล O157:H7 ก่อให้เกิดโรคท้องเสียหรืออุจจาระร่วง ในบางรายอาการอาจไม่รุนแรงมากและหายได้ภายในเจ็ดวันสิบวัน อย่างไรก็ตามผู้ป่วยน้อยรายที่จะถ่ายอุจจาระปกติ โรคอุจจาระร่วงที่เกิดจากการติดเชื้อนี้มักจะไม่มีไข้ แต่ผู้ป่วยจะปวดท้องมาก ถึงขั้นปวดบิดได้ ในเด็กอ่อนอายุน้อย 5 ปีและในผู้สูงอายุ มักจะเกิดโรคแทรกซ้อน เม็ดเลือดแดงถูกทำลายและทำให้ไตวาย เรียกชื่อว่า กลุ่มอาการเม็ดเลือดแดงแตกและไตวาย (hemolytic uremic syndrome) ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบได้ร้อยละ 2-7 ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคนี้ และเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันในเด็ก การติดเชื้ออีโคไล O157:H7 จึงมีความสำคัญและเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่ควรให้ความสนใจอย่างหนึ่ง
imageที่มา : นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น